อันนี้ http://www.nationchannel.com/main/programs/crimewatch24/20110713/2778063/แก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ระบาด/
ก็เลยคิดว่าลองมาสรุป + เพิ่มความคิดเห็นส่วนตัว แล้วเขียนออกมาลง blog ไว้ดีกว่า เพื่อเตือนภัยให้กับคนอื่นๆได้รู้กันด้วย
ก่อนอื่นเลย น่าจะเคยได้ยินกันอยู่แล้วว่ามีแก๊งค์คอลเซนเตอร์อยู่และมันทำงานกันยังไง
แต่ถ้าไม่รู้ก็จะสรุปให้คร่าวๆว่า....
พวกนี้เป็นนักต้มตุ๋น ที่จะโทรมาหลอกให้คนทั่วไปที่เป็นเหยื่อ หลงเชื่อว่าเขาโทรมาจากธนาคาร หรือสถาบันการเงินที่น่าเชื่อถือ และหลอกให้เหยื่อไปที่ตู้เอทีเอ็มเพื่อกดเงิน,โอนเงิน ให้กับแก๊งค์พวกนี้ โดยที่เหยื่อไม่รู้ตัวเลยว่าได้เสียเงินก้อนใหญ่ให้กับแก๊งค์พวกนี้ไปแล้ว
หลักใหญ่ ที่ทำให้วิธีการของแก๊งค์ call center พวกนี้ได้ผล คือ พวกนี้จะใช้วิธีเล่นกับอารมณ์พื้นฐานของเหยื่ออยู่สองอารมณ์ คือ
"อารมณ์ตกใจตื่นตระหนก" และ "อารมณ์โลภ"
โดยเนื้อหาที่จะใช้ในบทสนทนา ก็จะเป็นเรื่องอุปโลกค์ขึ้น เพื่อให้ส่งผลโดยตรงกับอารมณ์เหล่านี้ เช่น
- ขู่ว่าธนาคารจะทวงหนี้บัตรเครดิต (ตกใจ)
- ขู่ว่าปปง.จะจัดการกับท่าน (ตกใจ)
- หรือว่า แบงค์ชาติกำลังตรวจสอบบัญชีท่าน (ตกใจ)
- หรือ สรรพากร จะคืนเงินค่าภาษีให้กับท่าน (โลภ)
โดยหลังจากการปั้นเรื่องหลอกเหยื่อจนตายใจแล้ว ในที่สุดก็จะหลอกให้เหยื่อไปที่ตู้ ATM เพื่อดำเนินการขั้นต่อไป ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นการหลอกโอนเงินให้กับนักต้มตุ๋นพวกนี้นั่นเอง
เทคนิคในการหลอกให้เหยื่อโอนเงินให้ของพวกแก๊งประเภทนี้ ก็คือ จะอาศัยความไม่รู้ภาษาอังกฤษของเหยื่อ โดยการหลอกให้เหยื่อกดเมนูเป็นภาษาอังกฤษ และพอกลายเป็นคำศัพท์ที่ยาก อ่านไม่รู้เรื่องแล้ว มันก็จะง่ายต่อการที่แก๊ง call center เหล่านี้ จะพูดหลอกล่อให้กดปุ่มอะไรก็บนตู้เอทีเอ็ม โดยเฉพาะตอนหลอกให้กดตัวเลข อาจจะบอกว่า "จะโอนเงินคืนให้คุณสามหมื่น" เหยื่อก็จะกดตัวเลขสามหมื่นได้โดยไม่เฉลียวใจเลยว่า ตัวเลขที่กดไปนั้น แทนที่จะเป็นเงินเข้าบัญชี แต่กลับจะเป็นเงินที่จะถูกโอนออกไปให้แก๊งค์มิจฉาชีพต่างหาก
ดังนั้นคนที่โดนหลอก จะหมดเงินเป็น หมื่นๆ เป็น แสนๆ ก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลย
แต่ยังไม่เท่านั้น... ถ้าเกิดการต้มตุ๋นนี้ ถูกควบรวมเข้ากับการใช้อุปกรณ์ทางอิเล็คทรอนิกส์ ที่เป็นตัวอ่านแถบแม่เหล็กบนบัตรได้ (หรือ เรียกว่า Skimmer)
ตัวอ่านบัตรพวกนี้จะถูกซ้อนเข้าไปอย่างแนบเนียนกับช่องเสียบบัตรปกติของตู้ATM เพื่อให้เหยื่อไม่สงสัย และบางตัวยังติดกล้องเอาไว้เพื่อบันทึกภาพเวลาที่เหยื่อกดรหัสATM อีกด้วย
กรณีที่เลวร้ายที่สุดก็คือถ้าทั้งสองอย่างนี้มารวมกัน คือ ถ้านักต้มตุ๋นหลอกเหยื่อจนตายใจแล้ว และหลอกให้ต้องมากดATM กับตู้ที่ติดตัว skimmer นี้ไว้ ต่อให้จะหลอกโอนตรงๆ หรือหลอกไม่สำเร็จก็ตาม นักต้มตุ๋นพวกนี้ ก็จะได้รหัสบัตรATM(ที่ถูกบันทึกไว้ด้วยกล้อง) และ ได้ข้อมูลในแถบแม่เหล็กของบัตร(จากตัว skimmer) เพื่อที่จะเอาไปปลอมแปลงบัตร และไปใช้กดเงินเองจากที่อื่นๆด้วยตัวเองได้ด้วย
คำแนะนำเพื่อป้องกันตัวเอง จากกลโกงประเภทนี้คือ
- รู้ก่อนว่า "ธนาคารหรือสถาบันการเงิน ไม่มีนโยบายในการใช้โทรศัพท์ไปทวงหนี้"
- เมื่อมีคนโทรมาอ้างว่ามาจากสถาบันการเงิน อย่าโทรกลับเบอร์นั้น ให้ไปติดต่อโดยตรงกับสาขาที่ใกล้หรือสะดวกที่สุด หรือหาเบอร์โทรเพื่อติดต่อสถาบันการเงินนั้นเอง
- เวลากดรหัสบัตรเอทีเอ็มที่ตู้ ควรจะต้องใช้มือป้องเวลากดรหัสเสมอ
- สังเกตตู้เอทีเอ็มที่จะใช้บริการ ไม่ควรมีร่องรอยงัดแงะ หรือผิดสังเกตในบริเวณช่องใส่บัตร
- จัดเก็บบัตรให้ดีๆ พยายามแยกบัตรกับรหัสไว้คนละที่(ถ้าจำรหัสไว้ได้เลยยิ่งดี) เพื่อเวลาถ้าโดนล้วงกระเป๋าจะได้ปลอดภัย
- เมื่อรู้ว่าตัวเองตกเป็นเหยื่อ ให้โทรแจ้งตำรวจ หรือ สำนักงานเหล่านี้
- แจ้งร้องทุกข์กับสำนักงานตำรวจฯ โทร. 1155
- แจ้งศูนย์การเงินนอกระบบ กระทรวงการคลัง โทร. 1359
- แจ้งสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค โทร. 1166
ความรู้พวกนี้ ควรรู้ไว้เพื่อป้องกันตนเองและคนรู้จัก เพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของเหล่ามิจฉาชีพพวกนี้นะครับ
No comments:
Post a Comment